The boy next door
- - x - -
nc
กลิ่นไอของชาร้อนในถ้วยกระเบื้องเคลือบทรงยุโรปอบอวลไปทั่วห้องนอนขนาดใหญ่ตามปกติเช่นทุกวัน
ชาฝรั่งชั้นดีที่เจ้าของบ้านยังไม่ได้ชิมรสหอมหวานของมันเย็นลงก่อนจะถูกยกขึ้นไปโดยเจ้าของ
แต่คงเพราะกลิ่นชาที่ยังคงลอยวนอยู่ทั่วห้องทำให้เจ้าตัวไม่ได้เอะใจอะไรไป ริมฝีปากนั้นบางแนบลงที่ปากถ้วยแล้วจิบสัมผัสรสชาติแปร่งเพราะความเย็นชืดของมัน
ราวกับเพิ่งนึกได้ว่าตนทิ้งมันไว้นานพอสมควรและมัวแต่ทำงานเพลินจนลืมชาที่ตัวเองชงไว้
เขาส่ายหัวระอาให้ตัวเองแล้วตั้งหน้าตั้งตาสะสางงานตรงหน้าให้เสร็จทันการตามที่กำหนด
มนุษย์ทั่วไปก็สามารถหลงลืมกันได้เป็นเรื่อง ธรรมดา ใช่ไหม?
ธรรมดา คงเป็นคำที่นิยามวิถีชีวิตของเขาได้เป็นอย่างดีที่สุด
ตลอดการใช้ชีวิตผ่านร้อนผ่านหนาวมายี่สิบเก้าปีทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิตนั้นล้วนแต่มีความธรรมดาเฉกเช่นกับแนวการดำรงชีพของเขาในแต่ละวัน
แม้อาชีพสถาปนิกของเขาที่ใครก็ต่างพากันชื่นชมว่ามันช่างเท่และเหมาะกับบุคลิกอย่างที่เขาเป็น
เขาก็ยังรู้สึกว่ามันแสนจะธรรมดา เพื่อนร่วมงานก็ธรรมดาแต่จะว่าไปแล้วคนอย่างเขาก็มีเพื่อนร่วมงานไม่มากนัก
เพราะเจ้าตัวออกจะเป็นคนธรรมดาที่รักสันโดษ ชอบอยู่ลำพังคนเดียวไม่สุงสิงกับใครเท่าที่ควรจะเป็น
ทำงานเสมือนเป็นนายตัวเองและพึงพาเพียงความสามารถเพื่องานการต่าง ๆ
กิจวัตรประจำวันก็ธรรมดา แทบจะเป็นเช่นเดิมทุกวันหมุนเวียนเป็นวงจรเสมือนน้ำที่ไหลเวียนเปลี่ยนสถานะของตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่ตลอดเวลาและมันอาจจะเป็นเช่นนั้นตลอดไปไม่มีทางเป็นอื่นเสีย
แต่ถึงยังไงเขาก็เป็นเพียงคนคนหนึ่งซึ่งต้องพบปะผู้คนบ้างตามวิสัยของสัตว์สังคมที่มีวงจรซับซ้อน
โปรดเชื่อเถิดว่าไม่มีมนุษย์หน้าไหนที่จะอยู่เพียงลำพังไปได้ตลอด
มันอาจต้องพบเจอความเหน็บหนาวที่ค่อย ๆ แทะเล็มกัดกินเลือดเนื้อไปทีละเล็กที่ละน้อยอย่างเจ็บปวดรวดร้าว
ความเดียวดายคงมีอำนาจสั่งการมากพอให้คนเราทรมานและพร้อมที่จะตรอมใจตายลงไปอย่างช้า
ๆ และเงียบงัน เขาไม่เคยได้รับมันจากสิ่งเหล่านั้นแม้ในใจอยากจะอยู่ลำพังในโลกของตัวเองมากเพียงใด
แต่สังคมที่ห้อมล้อมเขาอยู่คือสิ่งที่จะนำพาเขาไปสู่ความสำเร็จ เงินทอง ความสุขสบายที่คิดว่าสามารถสร้างมันขึ้นมาได้
รวมถึงเสมือนเป็นการได้ตอบแทนผู้ที่เลี้ยงดูฟูมฟักมาตลอดสิบห้าปีก่อนจะจากโลกนี้ไปด้วยอุบัติเหตุร้ายแรงที่เขาไม่เคยคาดเดาว่าจะเกิดขึ้นรวดเร็วได้ถึงเพียงนี้
ถึงจะไม่ค่อยมีปฏิสัมพันธ์กับใครมากนักแต่ผู้ให้กำเนิดทั้งสองที่เฝ้ามองลงมาก็คงไม่มีอะไรให้ต้องห่วงลูกชายเพียงคนเดียวอย่างเขา
อย่างน้อยหากหน้าที่การงานดี พึ่งพาตัวเองได้และไม่ทำให้คนอื่นเดือดร้อน เท่านี้ก็น่าจะเพียงพอแล้ว..
ผู้คนต่างบุคลิกและลักษณะนิสัยเข้ามาในชีวิตของเขามากมาย
ตั้งแต่คนที่ใช้ชีวิตธรรมดาเช่นเขาไปจนถึงคนที่น่าทึ่งที่เขาไม่อาจจินตนาการได้ว่ามีอยู่จริงบนโลกใบนี้
หากทำได้เพียงชื่นชมและยอมรับมันไปจนเป็นเรื่องปกติ
เรื่องความรักก็ยิ่งเรียบเฉยธรรมดามากขึ้นไปอีกขั้นถึงแม้จะเคยมีคนรักมาเป็นจำนวนหนึ่งแต่ก็ไม่มีใครที่ใช้เวลาดี
ๆ ร่วมกันเป็นเวลานานและส่วนใหญ่มักจะมองว่าเขาเป็นคนที่จืดชืดไม่มีความโรแมนติกเอาเสียเลย
ในขณะที่เขาก็คบคนพวกนั้นไปตามวิถีของธรรมชาติเมื่อพบเจอคนที่ต้องตาแต่อาจไม่ต้องใจก็อยากใกล้ชิดสนิทสนมบ้างเป็นเรื่องปกติ
คนพวกนั้นที่เข้ามาก่อนจากไปไม่ใช่เพราะความคิดของอีกฝ่ายเท่านั้น ความคิดของเขาเองก็เป็นส่วนที่ช่วยเร่งให้ความสัมพันธ์ขาดสะบั้นลงรวดเร็วและไม่คิดตริตรองรั้งใครต่อใครเอาไว้
เพราะคนเหล่านั้นเมื่อลองคบหากันแล้วจริง ๆ ก็ไม่มีแม้สักคนที่ทำให้เขารู้สึกได้ว่า
ไม่ธรรมดา จนต้องแสดงด้านเขาเองก็ไม่ได้แสดงให้คนภายนอกเห็นเช่นกัน
ไม่เห็นจำเป็น..
บ้านจัดสรรหลังใหญ่ที่อาศัยอยู่ในตอนนี้ก็เปรียบเหมือนรางวัลของความสำเร็จ
โปรเจ็คใหญ่ที่ว่าตอบแทนการที่เขาแสดงความสามารถออกมาได้อย่างเหลือล้น
บวกกับศักยภาพของคนรุ่นใหม่ที่มีแนวความคิดทันสมัยล้ำหน้ามากกว่าสถาปนิกในวัยเดียวกัน
เขาจึงได้รับเลือกให้เป็นผู้ออกแบบแปลนของบ้านจัดสรรให้วิลเลจแห่งนี้
บ้านหลังงามที่ตนเป็นผู้ออกแบบ รู้ไหมว่าการที่อยู่ในบ้านของตัวเอง
ซ้ำยังเป็นบ้านที่ออกแบบเองรับผิดชอบทุกส่วนโครงสร้าง มันยิ่งให้ความรู้สึกผูกพันและในขณะที่คนอื่นไม่สามารถรับรู้ได้ว่าการออกแบบส่วนต่าง
ๆ มันมาจากเหตุผลอะไร เสน่ห์ของมันที่เพียงต้องตาผู้คนให้เลือกซื้อและอยู่อาศัย
แต่ไม่มีผู้ใดสามารถรับรู้ถึงจิตวิญญาณของบ้านที่พวกเขาอาศัยอยู่แม้แต่น้อยนอกเสียจากความสวยงามและราคาที่เป็นเครื่องเชิดหน้าชูตาว่าตนเป็นผู้มีอันจะกินในสังคม
แต่ไม่รับรู้ถึงความพิเศษของมัน
ไม่มีวัน...
มือสวยหยิบพิมพ์เขียวแล้วกางออก ดวงตานั้นมองแปลนที่ตนออกแบบอย่างละเอียดถี่ถ้วนทุกตารางเพื่อป้องกันความผิดพลาดเมื่อได้รับการก่อสร้างจริง
ข้อดีของเขาที่พอจะบอกอวดใคร ๆ ได้ก็คงมีเพียงการที่ตัดสินใจทำอะไรไปแล้วเขาจะทำมันอย่างทุ่มเท
เต็มที่และผลที่ออกจะต้องดีเสมอ สมองที่มีไว้เพื่อการทำงานของเขาเหนื่อยล้าจากการทำงานติดต่อกันเป็นเวลาหลายวันทำให้เขาต้องกดนิ้วลงไปที่ระหว่างคิ้ว
กดคลึงเน้นย้ำเพื่อให้ผ่อนคลายจากความตึงเครียดต่าง ๆ นานาที่ประดังประเดเข้ามาในชีวิต
แต่เพื่ออนาคตที่กำลังก่อร่างสร้างตัวทำให้เจ้าตัวจำใจจัดการตารางงานในวันนี้ของตัวเองเสียใหม่
ขายาวเดินไปปิดเครื่องปรับอากาศที่ทำงานตลอดทั้งคืนและเกือบทั้งวันก่อนตัดสินใจเปิดหน้าต่างบานใหญ่ใกล้
ๆ กับโต๊ะทำงานของตัวเองแทน ลมเย็นโกรกพัดผ่านเข้ามาในห้องที่เป็นทั้งห้องทำงานและห้องนอนไปพร้อมกันของเจ้าของบ้านคนเก่ง
ลมเฉื่อยฉิวชวนให้รอยยิ้มที่เหือดหายไปเป็นเวลานานกลับมามีชีวิตชีวาได้อีกครั้ง
จากนั้นก็หย่อนตัวทิ้งลงนั่งที่เก้าอี้ทำงาน หลังกว้างเอนพิงกับพนักอย่างหมดแรง
มือใหญ่คว้าถ้วยชานั้นขึ้นมาอีกรอบ จิบรับความเย็นชืดของมัน เขาหัวเราะน้อย ๆ ให้ความเป็นมนุษย์ที่แสนจะธรรมดาของตัวเอง
แน่นอน.. เขาก็แค่คนธรรมดา..
เขาพาตัวเองออกไปยืดเส้นยืดสายข้างนอกตัวบ้านบ้างหลังจากไม่ได้ออกจากบ้านเลยสามวันติด
บางครั้งเขาก็คิดว่าตัวเองบ้างานและหักโหมมากเกินไป
ก่อนที่เขาจะใช้สมองตัวเองจนพังก็ขอหาอะไรเข้าหัวนอกจากเรื่องงานและผลประโยชน์บ้างส่วนตัวเถอะ
พลันสายตาของเขาก็เคลื่อนไปเห็นเด็กผู้ชายตัวเล็กที่กำลังเดินผ่านหน้าบ้าน
มือของเด็กคนนั้นดูจะกำสายสะพายกระเป๋านักเรียนแน่นจนเกินพอดี ขาเรียวเล็กกำลังก้าวฉับอย่างไม่สนใจใคร
ใบหน้านั่นก็ดูวิตกราวกับมีความตึงเครียดอย่างที่เขามี และดูท่าจะเป็นความเครียดที่หาทางออกยากเสียด้วยสิ..
เด็กหนุ่มคนนั้น.. เพื่อนบ้านอายุน้อยที่ย้ายเข้ามาอยู่บ้านข้างเขาหลังจากที่โครงการนี้สร้างเสร็จได้ไม่นาน
เด็กม.ปลายวัยคะนองคนนี้อยู่ตัวคนเดียวและต้องมาอยู่บ้านหลังใหญ่ในสังคมเมืองแบบนี้เขาก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าทำไมพ่อแม่ถึงได้ปล่อยให้เด็กชายที่อยู่ในวัยหัวเลี้ยวหัวต่อมาอยู่เพียงลำพังแบบนี้
อาจเป็นเหตุผลเดียวกับเขาก็เป็นได้..
แต่แน่นอนว่าเขาไม่ได้สนใจเด็กคนนี้มากนักหรอก..
ร่างเล็กในชุดนักเรียน ม.ปลายอย่างที่เขาจะเห็นเกือบทุกวันหลังเลิกเรียนกำลังมองมาทางเขา
เขาเรียวนั้นก้าวช้าลงแล้วโค้งตัวน้อย ๆ ให้เพื่อนบ้านที่อายุมากว่า
เด็กคนนี้ทักทายเขาเป็นประจำถ้าได้มีโอกาสได้พบหน้า แม้บ้านจะติดกันแต่ปฏิสัมพันธ์ของพวกเขาแทบจะเป็นศูนย์
แปลกที่มันไม่ใช่เพราะความแตกต่างของวัย แต่จากที่สังเกตตามประสาเพื่อนบ้านมาสักระยะ
อีกฝ่ายก็คล้ายกับว่าจะมีภาวะบางอย่างที่ทำให้เขาถึงได้ยาก
เขาทำได้เพียงพยักหน้าตามอีกคนไปพลางยิ้มตอบรับบางเบาและได้แต่ยืนมองอีกคนที่ขอตัวกลับเข้าบ้านไป
รอยยิ้มก่อนจากกันนั้นช่างเป็นรอยยิ้มที่แสนเศร้าแม้ใบหน้าน่ารักนั่นจะยิ้มจนตาหยีให้เขา
แสดงท่าทางดูกระตือรือร้นเหมือนเด็กที่สดใสทั่วไป แต่กลับมีวูบหนึ่งที่แววตาทอเป็นประกายนั้นชะงักแล้วดับสลายไป
ก่อนจะพยายามปรับตัวให้เป็นปกติราวกับปิดบังเรื่องบางอย่างเอาไว้
แทนที่จะคิดเรื่องของคนอื่นเขาจึงกลับเข้าไปในตัวบ้านเพื่อทำอาหารเย็นของตัวเอง
เหมือนทุกวันที่แต่ละมื้อจะเป็นอาหารแช่แข็งที่เขาตุนเอาไว้ แม้มันจะไม่ดีอย่างที่ใคร
ๆ ว่า แต่ใครสนกันล่ะ..
ทำงาน.. อย่างน้อยพรุ่งนี้ก็วันเสาร์ไม่ต้องทำงานหนัก
กิน.. กินแต่ของเดิม ๆ อยู่ดี
แล้วในคืนวันศุกร์เช่นนี้มันถึงเวลาที่จะต้องพักผ่อนหรือยังนะ
กลับมาทำงานต่อจนเวลาล่วงเลยเข้ามืดค่ำ เขามีเวลาเพื่อพักผ่อนเหลือเฟือแต่กลับเอาแต่ทำงานเป็นบ้าเป็นหลัง
และวิธีคลายเครียดที่เขาคิดว่าดีที่สุดในตอนนี้ก็คือการอาบน้ำ
การที่ปล่อยให้สิ่งสกปรกไหลไปตามน้ำ ไม่ใช่เพียงแค่นั้นแต่น้ำเย็น ๆ จะช่วยชำระล้างความตึงเครียด
ความกังวล อารมณ์ขุ่นมัวภายในใจบางอย่างออกไปแทบหมดสิ้น อย่างน้อยก็คงช่วยให้ผ่านพ้นคืนนี้ไปได้
จัดการธุระของตัวเองเสร็จแล้วก็สำรวจรอบตัวบ้านอย่างที่เคยทำเป็นประจำทุกคืน
จัดการปิดประตูหน้าต่างให้เรียบร้อยแล้วเตรียมตัวกลับเข้าห้องไป แต่..
ติ๊งต่อง~
“คุณ..”
เจ้าของบ้านแปลกใจไม่น้อยที่เห็นเพื่อนบ้านมาหาในยามวิกาลเช่นนี้
เสื้อผ้าที่เปลี่ยนจากชุดนักเรียนเป็นชุดลำลองสบาย ๆ นั่นก็ทำให้เด็กผู้ชายคนนี้สดใสสมวัย
แต่แววตาที่ช้อนมองคนสูงกว่านั้นกลับให้ความรู้สึกที่ประหลาด มันทั้งแน่วแน่แต่ในขณะเดียวกันมันก็วอกแวกคล้ายกับไม่มั่นใจอะไรสักอย่าง
“คุณครับ..”
“มีธุระอะไรครับ ?”
“เอ่อ.. ผม.. มีเรื่องอยากจะให้คุณช่วย”
“เรื่อง ?”
“คุณ..”
“…..”
“คุณอาจคิดว่ามันแปลก แต่ในเมื่อมันเป็นอย่างนั้นแล้วและผมไม่สามารถแก้ไขมันได้ด้วยตัวเองจริง
ๆ ผม..”
“คุณอยากให้ช่วยอะไรครับ ?”
เขาไม่อยากเสียมารยาทแต่เวลานี้มันก็ไม่ควรมาพูดอ้ำอึ้ง หากมองกลับกันแล้ว
เพื่อนบ้านวัยรุ่นตรงหน้าเขาควรจะกลับไปนอนแทนที่จะมาทำตัวเสียมารยาทรบกวนคนอื่นในยามนี้
“…..”
“ถ้าคุณไม่พูดความต้องการของคุณให้ชัดเจนผมจะปิดประตูแล้วนะครับ”
“เดี๋ยวครับคุณ!”
“…..”
“คุณครับ.. ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรง”
“…..”
“คุณช่วยมีอะไรกับผม..”
ทันทีที่คำขอนั่นหลุดออกมาจากปากของเพื่อนบ้านเขาก็ปิดประตูใส่หน้าอีกคนแทบไม่ทัน
เขาไม่รู้หรอกว่าสีหน้าของอีกคนจะเป็นอย่างไรในตอนที่เขาปิดประตูลง
แต่เขาเองที่หัวใจกำลังจะหยุดเต้น ความไม่ธรรมดาของสถานการณ์ในขณะนี้ทำให้บรรยากาศทุกอย่างราวถูกแช่แข็งให้อยู่กับที่
หัวสมองที่เหนื่อยล้ายังคงประมวลผลคำพูดที่วนเวียนไปมาไม่หยุดหย่อน
“คุณ..”
เปิดประตูบ้านออกไปก็เจอกับแผ่นหลังเล็กที่กำลังห่างออกไป แต่เมื่อได้ยินเสียงเรียกก็หันกลับมาด้วยความงุนงง
ใบหน้าใสซีดเล็กน้อยเมื่อเห็นสีหน้าของอีกคน คนอายุน้อยกว่าพยักหน้าให้เขาราวกับเข้าใจในสิ่งที่เขาต้องการแล้วหันหลังกลับไปก่อนจะก้าวขาเดินต่อ
“ผมว่าเราต้องคุยสักหน่อยแล้วล่ะ”
เด็กหนุ่มคิดว่าบรรยากาศภายในตัวบ้านที่มีคนสองคนนั่งอยู่ที่โซฟารับแขกนั้นช่างหนาวเหน็บยิ่งเสียกว่าตอนที่ยืนทำใจหน้าประตูบ้านของเพื่อนบ้านก่อนจะตัดสินใจกดออดเรียกอีกคนเสียอีก
แววตาจากเจ้าของบ้านกำลังทำให้คนตัวเล็กห่อไหล่ลงไป มือบางกุมกันไว้แน่น เหงื่อเม็ดใสผุดพรายขึ้นตามไรผม
“มีอะไรอย่างนั้นเหรอครับ?”
ผู้มาเยือนทำใจกล้าเงยหน้าสบตาอีกคนแล้วพยักหน้าเบาบาง
น้ำตาเจ้ากรรมพาลจะไหลออกมาเพราะเขาอายเหลือเกินที่จะต้องทำแบบนี้
มันไม่ยุติธรรมเลย..
“แค่คุณต้องการ.. คุณก็ขอคนอื่นไปทั่วอย่างนั้นเลยเหรอ?”
“คุณ!”
ร่างสูงหันมามองแล้วถามเสียงต่ำราวกับกำลังดูถูกในตัวของเด็กน้อยตรงหน้า
สายตามองเพื่อนบ้านอย่างที่ไม่เคยใช้มองใคร
สายตาที่ไม่เคยสนใจใครแต่กลับจ้องเพื่ออยากได้คำตอบจากคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงกันข้าม
สายตาตำหนิชวนให้อึดอัดกับบรรยากาศที่เป็นอยู่ ดวงตากลมสบกลับไปอย่างกล้า ๆ กลัว ๆ
ความกล้าหาญในตอนแรกพังทลายลงไปเพียงเพราะคำพูดขวานผ่าซากของผู้ใหญ่คนนี้
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ”
“คุณรู้เหตุผลที่ผมให้คุณเข้าบ้านไหม”
“ผมไม่ทราบ”
เด็กหนุ่มส่ายหน้าเบา ๆ
ดวงตาเย็นชาของอีกคนทำให้เขาอยากจะตายลงไปตรงนี้
รู้สึกว่าร่างทั้งร่างกลายเป็นแผลจากคำพูดจาที่ตรงไปตรงมาแบบนั้น เขาก็แค่มาลองในสิ่งที่มันจำเป็นสำหรับชีวิตเขาก็เท่านั้น
เพียงแค่ไม่มีมัน ชีวิตของตัวเองก็จะสุขสบายแล้วแท้ ๆ
“มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งมาขอให้ผมมีอะไรด้วย..”
“มันเป็นเรื่องที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นเลยสินะครับ”
“มันไม่ใช่เรื่องปกติ ผมมั่นใจได้ว่าเด็กที่ดูเฉลียวฉลาด ได้เรียนหนังสือในโรงเรียนมีชื่อเสียงอย่างนั้นคงไม่ทำอะไรสิ้นคิดแบบนี้แน่
บอกผมมาว่าเหตุผลของคุณคืออะไร?”
“..ผมเป็นฮิสทีเรีย”
ชายหนุ่มที่ไล้ต้อนเพื่อนบ้านเสียจนมุมบัดนี้แทบจะเสียหลักและถอยหลังกลับไม่ทัน
ราวกับมือเล็กนั่นกำลังจ่อมีดเล่มบางเย็นเฉียบไว้ที่คอของเขาฉับพลัน เด็กคนนั้นตอบสวนกลับมาอย่างที่เขาไม่เชื่อว่าจะได้ยินจากปาก…
“ตอนผมยังเด็ก มันมีเรื่องราวเกิดขึ้นมามากมายเหลือเกินในชีวิตของผม ผมอยู่อย่างสุขสบายท่ามกลางสิ่งผิดกฎหมายเป็นสิ่งรองรับอยู่โดยที่ผมไม่รู้
หมอบอกว่าที่ผมเป็นแบบนี้เพราะผมต้องทนเห็นในสิ่งที่ไม่ควรเห็น และได้ยินในสิ่งที่ไม่ควรได้ยิน
เจอในสิ่งที่ไม่ควรได้เจอ มันสะสมบ่มเพาะจนเกิดเป็นโรคบ้า ๆ
นี่ทั้งที่ผมไม่ได้รู้ตัว เมื่อก่อน.. มันไม่ได้เป็นอย่างนี้
ผมแค่เอาแต่เก็บตัว แต่ตอนนี้มันมีบางอย่าง
บางอย่างที่ไม่สามารถปล่อยให้มันอยู่เฉย ๆ แล้วหายไปเองได้ ผม.. แค่อยากบรรเทามัน”
“ผมถามตรง ๆ เลยนะ
คุณก็เรียนรู้การที่จะอยู่กับมันมานานแต่คุณช่วยตัวเองไม่เป็นเลยเหรอ?”
แก้มเนียนของเพื่อนบ้านตัวเล็กขึ้นสีระเรื่อเมื่อฟังคำถามของอีกคนจบ ดวงตากลมก้มลงมองมือของตัวเองแล้วเบือนหน้าหนีพร้อมพูดเสียงแผ่ว
“ผม.. ช่วยเป็น แต่ครั้งนี้มันไม่เหมือนครั้งอื่น
ผมลองแล้วมันไม่ได้ผล.. ยิ่งทำ ก็ยิ่งต้องการ”
มือบางยกขึ้นมาปกปิดใบหน้าของตัวเองด้วยความอายแสนอาย เขาจำเป็นต้องตอบไปตรง
ๆ เพราะถ้าไม่อย่างนั้นเจ้าของบ้านมีหวังโยนเขาออกจากบ้านแน่หากยังคงพูดอ้อมไปอ้อมมา
ไม่ก็อ้ำอึ้งเหมือนในตอนแรก ทั้งที่ไม่รู้ว่าเขาจะช่วยหรือไม่
“แล้วทำไมต้องเป็นผม”
“ผมไม่ทราบ.. แต่รู้ตัวอีกทีผมก็พูดมันกับคุณไปแล้ว”
ใบหน้าคมคายดูมีแววกระตุกเล็กน้อย เขายันตัวขึ้นมานั่งดี ๆ แล้วมองอีกคนนิ่ง
เด็กหนุ่มที่แทบจะไม่อยู่ในสายตาของเขากำลังวิตกอย่างเห็นได้ชัด มือเล็กนั่นขยุ้มขากางเกงจนมันยับไปหมด
เหงื่อที่ยังไหลออกมาต่อเนื่องเจ้าตัวจัดการด้วยหลังมือเช็ดไปพลาง ๆ ตอนนี้เขาคิดอะไรไม่ออก
ปัญหา ของเด็กแต่วิธีแก้ไม่เด็กแบบนี้
เขาจะทำอย่างไร
“ผมไม่เข้าใจคุณหรอก ขอโทษด้วยผมทำมันไม่ได้หรอก”
น้ำเสียงเย็นกำลังตัดความหวังของอีกคนไปให้ขาดสะบั้นลง ร่างสูงของเจ้าของบ้านตั้งใจจะลุกขึ้นไปในใจหวังให้อีกคนเดินตามมาที่หน้าประตู
กะว่าจะส่งแขกตัวน้อยกลับบ้านอย่างใจเย็นและทุกอย่างจะผ่านไป
“ผมไม่ได้ขอให้คุณเข้าใจเลยนะ ก็แค่..”
“ผมเสียใจด้วยจริง ๆ”
“คุณจะให้ผมไปขอที่บ้านอื่นเหรอครับ?”
“กับผมนี่มันก็ไม่ได้ต่างกันสักเท่าไหร่ แทบจะเรียกได้ว่าคนแปลกหน้าเสียด้วยซ้ำ”
เขาลุกขึ้นเต็มความสูง แล้วก้าวเท้าเดินไปทางประตูบ้าน หันไปมองร่างเล็กที่ยังนั่งที่โซฟารับแขกแล้วส่ายศีรษะให้กับเด็กหนุ่ม
เขาตั้งใจให้อีกคนกลับบ้านไปทบทวนและหาทางออกทีดีกว่า หมายถึงดีกว่าที่จะมาทำแบบนี้
“มันก็แค่เซ็กส์ไม่ใช่เหรอครับ”
เขาหยุดชะงักนิ่งกับประโยคที่ดูคล้ายเย้ยหยันนั้นแล้วหันมามองอีกคนที่ลุกขึ้นจากโซฟา
แต่ท่าทีอีกคนกลับกลายเป็นว่าดวงตานั้นคลอเต็มไปด้วยหยาดน้ำใสชวนให้รู้สึกสลดตาม
แม้เขาเป็นคนที่ไม่สนใจโลกภายนอกอะไรมากนักแต่เขาก็ยังมีศีลธรรมและความเป็นมนุษย์มากพอที่จะไม่ทำอะไรบ้า
ๆ ลงไปเพียงเพราะการวอนขอ เว้นเสียแต่นั่นจะเป็นการช่วยเหลือและปลดเปลื้องความทุกข์ทรมานของสิ่งมีชีวิตตัวน้อย
เพราะพระเจ้าเลือกให้เขาเกิดมาเจอกับเรื่องเลวร้ายตั้งแต่วัยเยาว์ มันก็สมควรแล้วที่วิธีการแก้ปัญหาของเด็กคนนี้จะต้องเป็นเรื่องที่
ผิดศีลธรรม แต่ในทางกลับกัน มันก็จะจบปัญหาทุกอย่างและเขาไม่ควรที่จะให้ ตัวปัญหา
ที่ตัดสินใจย่างกรายเขามาหาเขาต้องไปสร้างความเดือนร้อน ความลำบากใจให้ใครที่ไหนอีก
นั่นสินะ มันก็แค่…
“คุณพูดอะไรออกมารู้ตัวไหม” เมื่อเห็นอีกคนก้มหน้าก้มตาจึงพูดต่อ
“…คุณ คุณอายุเท่าไร?” ถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วตั้งสติพูดกับอีกคนด้วยถ้อยคำที่ชัดเจน
พยายามไม่ให้มีท่าทีดูห่างเหินจนกลายเป็นความอึดอัดไปมากกว่านี้
“ผ.. ผมสิบหก”
ถึงจะเป็นอย่างนี้ก็มีความกระดากอายเช่นคนทั่วไป แต่ในสิ่งที่เขาเป็นและเผชิญอยู่ในตอนนี้เขากลับมองหาทางสว่างที่จะไปต่อไม่ได้
ยิ่งความปั่นป่วนในกายหนักหน่วงอย่างที่ไม่เคยได้พบเจอแล่นปราดทั่วร่างด้วยความรวดเร็วทำให้ต้องรีบหาทางออกให้ตัวเองเร็วที่สุด
แม้รู้ว่าต้องทำเช่นไรแต่เมื่อลองแก้ปัญหาด้วยตัวคนเดียวสุดความสามารถของเด็กมัธยมปลายที่ไม่ได้เจนจัดในเรื่องอย่างว่าสุดความสามารถแล้วแต่มันก็ไม่เป็นผล
ซ้ำยังรู้สึกต้องการมากขึ้น หัวสมองขาวโพลนของคนกำลังจะหมดหนทางพยายามขบคิดหาทางออกให้เร็วก่อนที่จะรู้สึกตายทั้งเป็น
ขณะนั้นรู้เพียงแต่ต้องหาที่พึ่งพาและใครก็ได้ที่เข้ามาในความคิดขณะนั้นและคนแรกที่คิดถึงก็คือ
เขา
“ในเมื่อคุณจะทำแบบนี้ ถ้าผมตัดสินใจช่วยก็อย่าหาว่าผมใจร้ายกับเด็กอย่างคุณเลยนะ”
ประโยคที่ได้ยินดั่งสวรรค์ยื่นมือลงมาฉุดรั้งชีวิตน้อย ๆ ที่กำลังจะจมดิ่งสู่เหวลึกของนรกที่แสนจะทรมาน
ดวงตาเศร้าหมองมีประกายขึ้นมาอีกครั้ง แม้สิ่งที่กำลังจะทำต่อไปในทางเป็นจริงมันไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีเท่าที่ควร
“ขอบคุณครับ ขอบพระคุณจริง ๆ ผม..ผมจะไม่บอกใครแค่คุณมีความกรุณาช่วยเหลือผม..”
เสียงใสพยายามพร่ำบอกให้อีกคนสบายใจ แต่แล้วฝ่ามืออุ่นร้อนนั้นก็คว้ามือบางเอาไว้แล้วเดินนำทางไป
อย่างน้อยเด็กหนุ่มก็รู้สึกโล่งใจที่ความทรมานของเขาก็จะได้รับความปลดปล่อยในไม่ช้า
ตัวเขาเองจะดำเนินชีวิตผ่านไปได้อีกหนึ่งวัน แม้ว่าหลังจากถึงที่หมายที่คนตรงหน้าเดินนำไปจะเจอกับอะไรก็ตาม
เพราะนี่คือสิ่งที่เขาเลือกและจะรับผิดชอบความผิดพลาดของชีวิตด้วยตัวเอง
ขาเล็กหนีบเข้าหากันแน่นในขณะที่คนอายุมากกว่าก็สังเกตอากัปกริยาของอีกคนจากอุณหภูมิมือที่เย็นเฉียบราวกับกำลังจะถูกเชือด
คนตัวเล็กไม่กล้าแม้แต่กุมมืออีกคนกลับได้แต่ให้เจ้าของพาเดินเข้าไปในห้องอย่างเชื่อง
ๆ ราวสัตว์เลี้ยงตัวน้อย หัวใจเต้นตุบตับรัวเร็วเสมือนเด็กแรกเกิด เด็กผู้น่าสงสารจะถูกพัดพาไปทางไหนต่อจากนี้ก็ไม่มีใครรู้
“ไม่มีอะไรน่ากลัวหรอก”
ไม่มีอะไร
น่ากลัวเลยสักนิด..
เตียงนอนขนาดใหญ่ยุบตัวลงเมื่อเจ้าของห้องนั่งลงที่ขอบเตียง
เบาะนุ่มถูกตบเบา ๆ เป็นเชิงเรียกอีกคนให้เข้ามานั่งใกล้กัน เพื่อนบ้านเดินเข้าไปนั่งอย่างกล้า
ๆ กลัว ๆ ระยะห่างที่ร่างเล็กทิ้งไว้นั้นทำให้คนอายุมากกว่าต้องขยับเข้าไปใกล้แทน
กลิ่นผิวของเจ้าตัวลอยเข้ามากระทบจมูกเนื่องจากความใกล้ที่ร่นเข้ามา ต้นแขนแกร่งสัมผัสกับเนื้อนิ่มของเด็กหนุ่มมากขึ้นเมื่อเขาเคลื่อนตัวเข้าไปใกล้
แปลกที่เหมือนมีกระแสไฟฟ้าแล่นไปทั่วร่างของชายหนุ่มราวกับเขากำลังจะมีสัมพันธ์ทางกายกับใครสักคนเป็นครั้งแรก..
น่าจะคิดไปเองมากกว่า..
“เป็นแบบนี้แล้ว.. คุณยังเชื่อใจผมไหม” เจ้าของบ้านภามเสียงเรียบ
“ผมเชื่อคุณ”
แม้จะอายแสนอายที่ต้องเปิดเผยเรือนร่างให้ใครได้เชยชมเป็นครั้งแรก
แต่เขาก็ท่องไว้เสมอ หากเขาไม่เชื่อใจคนที่เขามาหาด้วยตัวเอง แล้วในโลกแสนโหดร้ายที่บิดเบี้ยวของเขาล่ะ
ยังมีใครทีพอจะเชื่อใจได้อีกไหม
ร่างโปร่งบางกำลังอวดผิวกายขาวเนียนให้ผู้ใหญ่นั่งจ้องตาเป็นมันอยู่บนเตียง
กางเกงขายาวเนื้อดีถูกร่นลากลงไปตามขาเรียวโดยเจ้าของ ร่างนั้นนั่งลงข้างอีกคนเช่นเดิมแล้วปล่อยให้เหลือเพียงชั้นในตัวเล็กที่เจ้าตัวยังไม่กล้าจะปลดมันออกจากร่างกาย
สายตานิ่งจากอีกคนทำให้ขนลุกเกรียวไปทั้งร่าง ไม่ทันได้คิดอะไรมากมายร่างสูงนั้นก็โน้มตัวลงมาหากัน
เอียงคอดูเชิงจากคนไร้ประสบการณ์ว่าจะตอบสนองกันอย่างไร เด็กข้างบ้านจ้องตาเขาแล้วมองที่ปากนั้นก่อนจะเบี่ยงตัวไปด้านข้างเล็กน้อย
เร็วเท่าความคิดริมฝีปากนั้นแตะต้องกันแผ่วเบา
แต่เพียงเท่านี้เพื่อนบ้านตัวน้อยของเขาก็สั่นเทิ้มไปทั้งกาย
มือใหญ่เคลื่อนขึ้นมาจับไหล่ลาดบางเอาไว้ไม่ให้เด็กน้อยตื่นกลัวไปมากกว่านั้น
มืออีกข้างประคองต้นคอสวยไว้เพื่อไม่ให้หลีกหนีขั้นตอนที่จะนำพาสู่วังวนของความใคร่โดยสมบูรณ์
ร่างใหญ่เอนกายทาบทับอีกคนที่เคลื่อนคล้อยนอนลงบนเตียง ยิ่งยามที่อยู่ใต้ร่างของเขาเช่นนี้.. คนตรงหน้ายิ่งดูตัวเล็กลงไปอีกหลายเท่า
และหวานเป็นที่สุด..
…The Boy Next Door…
“ผมจะขอ..”
ฝ่ามือนุ่มถูกกดจูบลงไปราวกับขออนุญาตเจ้าของมัน
ท่อนแขนเล็กเรียวไร้เรี่ยวแรงเหตุเพราะจมูกคมที่ไล่สูดดมความหอมหวานของร่างกายเด็กหนุ่ม
ผิวเนื้ออ่อนบริเวณต้นแขนด้านในกำลังถูกดูดดึงจากริมฝีปากร้ายกาจ
"แล้วแต่คุณ.. ฮะ..ฮื้อออ"
ลำคอเนียนระหงเชิดเด่นอยู่ตรงหน้า จมูกโด่งซุกไซร้สำรวจความหอมหวานของอีกคนอย่างใจเย็นแต่ซอกคอขาวไม่ได้เต็มไปด้วยรอยสีก่ำประปรายตามแรงอารมณ์ของเจ้าของบ้าน
แต่กับของคนที่ไม่ปกติกำลังปะทุขึ้นสูง เขาไม่อยากจะทำให้กายบางตรงหน้าต้องมาบอบช้ำเพราะความใจร้อน
อาการที่อีกคนเป็นอยู่ทำให้เขาต้องละเมียดละไมทุกขั้นตอนไม่เร็วหรือช้าจนเกินไป
และอาจดำเนินไปด้วยท้วงทำนองธรรมดา ๆ
"..อ่าา ค..คุณ"
ลิ้นอุ่นชื้นแตะสัมผัสชิมผิวกายบางที่ละส่วนอย่างค่อยเป็นค่อยไป
มือสากลากไล้ทั่วผิวเนียนละเอียดราวกับไม่เคยต้องมลพิษใด ๆ มาก่อน
กลิ่นหอมรัญจวนตราตรึงทุกอณูความรู้สึกแม้กลิ่นบางเบานี้จะเป็นเพียงกลิ่นอ่อนหวานของสบู่ธรรมดาที่ใครต่อใครก็ตกหลุมรักเอาได้ง่าย
แต่กลับให้ความรู้สึกอึดอัดจากความเย้ายวนและได้รับความผ่อนคลายไปพร้อม ๆ กัน
ความสะอาดใสบริสุทธิ์ของเด็กหนุ่มใต้ร่างนั้นมากเกินไปจนสามารถรับรู้ได้ว่าครอบครัวต้องอบรมเสี้ยมสอนมาเป็นอย่างไร
ประคับประคองเด็กคนนี้ด้วยความรักมาตลอดจนกระทั่งเติบโตเป็นหนุ่มน้อยวัยสิบหก
แต่ก็ยังไม่สามารถเข้าใจอยู่ดีว่าทำไม คนที่ควรไร้ที่ติถึงได้ต้องมาเจอกับเรื่องแบบนี้
มันต้องมีอะไรมากกว่าสิ่งที่อีกฝ่ายเล่าให้ฟังอยู่แล้ว..
ลมหายใจเจือไอร้อนเคลื่อนแตะชโลมไปทั่วกายขาวเนียนช้าเฉื่อยราวกับผงน้ำตาลละเอียดที่ค่อย
ๆ ลอยล่องประดับลงบนหน้าขนมหวานชั้นเลิศ เพิ่มความน่ามอง น่าสัมผัส
น่าลิ้มลองไปทุกสัดส่วน เด็กหนุ่มในยามนี้ก็เช่นเดียวกัน...
ช่างน่ามอง...
น่าสัมผัส...
น่าลิ้มลอง...
"อื้ออ!"
ริมฝีปากกดจูบลงใกล้ฐานยอดอกแผ่วเบาก่อนจะครอบครองส่วนอ่อนไหวบนแผงอกบางไว้แล้วดูดดุนอย่างใจเย็น
ลิ้นอ่อนนุ่มโลมเลียพลิกพลิ้วแกมหยอกล้อแต่ยังคงควบคุมจังหวะไว้เนิบนาบราวกับจะให้คนถูกปรนเปรอขาดใจตายเสียให้ได้
ร่างเล็กบิดเร่าสั่นสะท้านไปทั้งร่าง ความต้องการที่มีมาตั้งแต่ต้นโดนสัมผัสช้าเฉื่อยแตะต้องช่วยทำให้ความร้อนรุ่มที่รุนแรงในกายลดลงไป
แต่สิ่งที่เข้ามาแทนไฟราคะที่ควบคุมได้ยากนั้นคือความรู้สึกอ่อนหวานอย่างประหลาด จนรู้สึกดีเกินไป
กายบางแอ่นเข้าหาสิ่งเร้านั้นแทบจะไม่เหลือช่องว่างให้แม้อากาศรอบตัว
ร่างเล็กสั่นเทากับความหวามไหวที่ไม่คุ้นเคยเอาเสียจนต้องร้องครางหวานแผ่วเบาเป็นการปลดเปลื้องความรู้สึกประหลาดที่เกิดจากริมฝีปากบางของเจ้าของบ้าน
ความอุ่นชื้นเคลื่อนไล้ทั่วแผ่นอกเล็ก เนื้อหวานตรงหน้าเรียกร้องให้สถาปนิกหนุ่มขบกัดมันลงไปด้วยความมันเขี้ยว
รอยห่อเลือดตามอกบางและผิวหัวไหล่เนียนชวนให้กดจูบย้ำลงไปราวกับมันบรรเทาความเจ็บแสบได้
ก่อนที่ริมฝีปากร้อนรุ่มจะประทับลงบนขมับอย่างเน้นย้ำว่าสิ่งที่เขาต้องเจอต่อไปมันอาจไม่ได้สวยงามมากนัก
อาจจะทำให้ร่างเล็กสั่นกลัวมากกว่านี้หลายเท่าก็ไม่อาจทราบได้ และเขาก็ไม่ได้คาดหวังว่าเด็กคนนี้จะอดทนสัมผัสของเขาไปได้นานแค่ไหน
เมื่อใกล้ถึงจุดนั้นเด็กหนุ่มอาจกลัวและหนีไป หรือแม้จะขอให้เขาหยุด เขาก็ต้องหยุด
สิ่งที่กระทำได้เพียงอย่างเดียวคือการตักเตือน
ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ เลย
จมูกคมแตะลากผ่านกึ่งกลางแผ่นอกมาจรดหน้าท้องแบนขาวเนียนที่เชิญชวนให้เขาฝังจมูกคมลงไปแตะต้อง
บดรอยจูบทั้งหนักเบาบนเนื้อผิวนวลนุ่มเช่นเดียวกับผิวเนียนบนอกเล็ก นิ้วเรียวยาวกดลากตามสีข้างแผ่วเบาแล้วตรึงสะโพกบางไว้
ริมฝีปากนุ่มหยุ่นแตะไปทั่วบริเวณท้องน้อยพลางใช้นิ้วเกี่ยวซับในตัวบางออก
มือสวยดึงปราการสุดท้ายด้วยสัมผัสบางเบาลากไล้ไปตามเรียวขาขาว ดวงตาคมคอยจับจ้องไปทุกส่วนที่เขาสัมผัส
รอยสีหวานที่ไม่อยากให้เด่นชัดพวกนั้นช่างสวยงามเหมาะกับผิวขาวของอีกคนเหลือเกิน
ริมฝีปากสัมผัสลงที่ต้นขานิ่มด้านในทั้งสองข้างแล้วเคลื่อนไปใกล้จุดกลางลำตัวของอีกฝ่ายที่มันกำลังแข็งขืนตามความต้องการเหลือล้นของตัวเองเต็มที่ก่อนจะจูบทักทายสิ่งนั้นอย่างไม่นึกรังเกียจ
ฝ่ามือเรียวค่อย ๆ กอบกุมความอ่อนไหวของร่างเล็กไว้อย่างเบามือ
ดวงตาคนที่ผ่านประสบการณ์มาอย่างโชกโชนมองร่างน้อยที่บิดเร่าเนื่องจากความกระสันด้วยความเอ็นดู
เด็กน้อยใต้ร่างเลือกที่จะยกมือขึ้นมาขยุ้มไหล่กำยำของอีกคนไว้แน่นหนาเสียจนเกิดรอยแดง
ริมฝีปากอิ่มถูกบดเบียดเค้นคลึงด้วยแรงปรารถนาอีกครั้ง ลิ้นร้อนพัวพันดึงดันลิ้นอ่อนนุ่มไร้จริตไม่ถอยห่างไปแม้เพียงวินาที
ความนุ่มหยุ่นแนบแน่นสร้างประสบการณ์อ่อนหวานให้เด็กหนุ่มได้ไม่ยาก
ถึงกระนั้นความร้อนแรงที่กำลังจะประทุของส่วนล่างก็มีเพิ่มมากขึ้น.. มากขึ้น..
มือใหญ่รูดรั้งแกนกายขนาดเหมาะสมกับเจ้าตัวขึ้นลงอย่างค่อยเป็นค่อยไปก่อนจะเพิ่มความเร็วขึ้น
หน้าท้องเรียบกระตุกเกร็งยามที่อีกคนกอบกุบความหวามไหวนั้นไว้แน่นขึ้น
น้ำซึมส่วนปลายกำลังปริ่มออกมาจนฝ่ามืออุ่นร้อนต้องเร่งจังหวะอย่างรวดเร็วไปพร้อม ๆ
กับลิ้นที่ตวัดชิมความหอมหวานจากโพรงปากอย่างไม่รู้สิ้นสุด
เพราะไม่สามารถหาช่องว่างระบายเสียงครางกระเส่าออกมาได้แม้แต่น้อย เด็กหนุ่มจึงทำได้เพียงส่งเสียงอึงอื้อในลำคอ
และในเมื่อจุดอ่อนไหวสู้มือของอีกคนขนาดนี้ใบหน้าขาวก็ถูกแต่งแต้มไปด้วยสีระเรื่อ
มือเล็กบีบไหล่คนอายุมากกว่าแน่นราวกับถ้าปล่อยให้หลุดไปจะต้องตกลงไปในหลุมลึกที่ตัวเองร่วมขุดขึ้นมา
ทั่วท้องน้อยวูบวาบอย่างไม่ชอบใจนักและก่อนที่หมดลมหายใจ
ริมฝีปากร้ายกาจนั้นก็ผละออกไปทันท่วงที..
"รู้สึกสบายตัวขึ้นบ้างไหม"
ปากร้อนกดลงที่ข้างแก้มนิ่มเป็นเชิงปลอบประโลมและบอกย้ำให้เชื่อใจเขา
เด็กน้อยตรงหน้าหอบเอาอากาศเข้าปอดเฮือกใหญ่
ริมฝีปากอิ่มขึ้นสีสดเผยออ้าส่งเสียงน่าอายออกมาแผ่วเบา คิ้วสวยขมวดเข้าหากันแน่นเช่นทุกครั้งที่ต้องช่วยเหลือตัวเองยามที่อาการนี้ของโรคกำเริบ
ดึงร่างหนาเข้ามาและโอบรอบคอไว้แน่น
เสียงหวานแจ่มชัดหากแต่ผะแผ่วราวคนใกล้สิ้นลมเต็มที
"ผม.. อื้อออ.. เร็วอีก"
เจ้าของบ้านทำตามใจที่อีกคนบอกไปไม่อิดออด สายตาร้อนเร่านั้นมองดวงหน้าหวานไม่วางตา
ปกติเด็กหนุ่มคนนี้ก็มีหน้าตาน่ารักน่าชังมากกว่าเด็กชายทั่วไปอยู่มาก
และเพราะโรคที่เขาเป็นหรือเปล่าถึงทำให้ยามถูกปรนเปรอเช่นนี้ สีหน้า ท่าทาง
ร่างกายแสดงออกมามากหากแต่เจ้าตัวก็ยังด้อยประสบการณ์ มันดึงดูดแรงสวาทของชายหนุ่มให้กำลังปะทุและมีความรู้สึกว่ามันเป็นมากกว่าน้ำใจที่ต้องช่วยเหลือชีวิตน้อย
ๆ เช่นนี้ ทั้งที่ตอนแรกมันก็แค่ ชั่วคราว
"อึก!. อืออ.. อื้อออ!"
"ปล่อยออกมาเลย.."
"ค.. คุณจะเปื้อน.. อ่าาา"
"ไม่เป็นไร.. เด็กน้อย"
"อ๊าาา!..
ใช้เวลาเพียงไม่นานเด็กหนุ่มข้างบ้านก็ปล่อยคราบคาวความใคร่ออกมาทุกหยาดหยดพร้อมครางสุดเสียง
หน้าท้องแบนราบเปรอะเปื้อนไปด้วยของเหลวสีขาวขุ่นที่เมื่อเจ้าตัวมองเห็นมันแก้มใสก็ซับสีเลือด
เบือนหน้าหนีเล็กน้อยแม้อกบางยังคงหอบกระเพื่อมเชิญชวนให้อีกฝ่ายลิ้มลองมากเพียงใดก็ตาม
นิ้วเรียวค่อย ๆ เช็ดของเหลวพวกนั้นออกแล้วป้ายไปที่ช่องทางบอบบางที่ไม่เคยถูกใช้งานเลยสักครั้ง
อีกคนที่ยังคงเหนื่อยก็สะดุ้งโหยงเพราะนิ้วมือของผู้ใหญ่กำลังคืบคลานเข้ามาในตัวเขาทีละน้อย
ร่างเล็กถดถอยออกมาทำให้เขาหยุดแล้วเงยหน้าขึ้นมามองคนที่มาขอร้องให้ช่วย..
“ค.. คุณต้องทำแบบนี้ด้วยเหรอครับ”
“ทุกอย่างก็เพื่อตัวของคุณเอง”
“ผมหมายถึงก่อนหน้านี้ ที่คุณจูบผม ค่อย ๆ ทำ.. ทุกอย่าง”
ริมฝีปากอ่อนนิ่มแตะลงที่ข้างใบหูเล็กพลางพูดเสียงเบา ข้อสงสัยอีกมากมายของคนที่มาร้องขอถูกกลืนหายไปลงในลำคอ
เสียงนุ่มแหบพร่าบอกให้เขาเข้าใจ เด็ก.. ถึงยังไงก็เป็นเด็กอยู่วันยังค่ำ
“ถึงจะทรมานแค่ไหน แต่ผมมั่นใจว่าคุณคงอยากให้ครั้งแรกของคุณเป็นความทรงจำที่ดี”
“คุณรู้ได้ยังไงกันครับ?”
“ท่าทางของคุณมันบอก.. แม้ก่อนหน้านี้คุณจะพบเจอเรื่องที่เลวร้ายมามากน้อยแค่ไหน
ผมไม่ทราบ ผมจะถามคุณอีกครั้ง.. ”
“ผมไม่มีทางเลือก มันไม่มียาตัวไหนช่วยผมได้เลย ที่เหลือก็ขึ้นอยู่กับตัวผมเองแล้วก็ถูกของคุณ..”
คนตัวเล็กทำใจกล้าประทับริมฝีปากอิ่มที่สันกรามอีกคนแผ่วเบา
พยายามอดกลั้นความต้องการไว้ไม่ให้ระเบิดออกมาตามที่อีกคนอยากให้เป็น เนื้อคำเชิญชวนถูกเอ่ยออกมาอย่างแสนไร้เดียงสา
ไร้ความนัยน์ปิดบัง ดวงตาเขาเหลือบมองดวงหน้าหวานของเด็กน้อยใต้ร่าง
แววตาที่ฉายความเด็ดเดี่ยวในหัวใจของเด็กผู้ชายที่แสนบอบบางคนหนึ่งเต็มเปี่ยมและมากมายเท่าที่จะมีได้
และนั่นก็ทำให้เขารู้สึก.. ถูกชะตา
“ครั้งแรกของผม.. ผมขอแบบประทับใจหน่อยนะครับ”
น้ำเสียงอ่อนหวานครางกระเส่าทันทีที่ร่างสูงเริ่มต้นกดนิ้วเรียวของตัวเองลงไปที่ช่องทางนั้นอีกครั้ง
กลีบเนื้ออ่อนนุ่มกำลังกลืนกินนิ้วมือยาวอย่างช้า ๆ
แม้มีตัวช่วยให้เข้าไปได้ง่ายขึ้นแต่มันก็ยังฝืดเคืองเพราะความคับแน่นของอีกคนอยู่ดี
เสียงหวานขาดห้วงและพร้อมที่จะส่งเสียงขึ้นมาอีกครั้งที่เขาดันนิ้วเข้าไปด้วยความยากลำบาก
เสื้อเชิ้ตสีเข้มชุ่มไปด้วยเหงื่อจากกายที่กำลังจะร้อนเป็นไฟแทนคนที่ถูกปรนเปรอเสียเอง
เจ้าของบ้านยังคงจับจ้องปฏิกิริยาจากร่างเล็กตลอดเวลา ใบหน้าขาวซับสีเลือดทั่วหน้าพลางส่ายพัลวันราวกับว่าทนไม่ไหว
เขากดจูบลงที่หน้าผากใสให้ผ่อนคลายมากกว่าเดิมก่อนจะแทรกนิ้วที่สองเข้าไปภายใน
“จ.. เจ็บ ผมเจ็บ.. อึก!
ค.. คุณ”
รู้ดีว่าปลอบโยนอย่างไรความทรมานเหล่านี้ก็ไม่มีทางหายไปไหนเสีย ทำได้เพียงทนฟังเสียงของความเจ็บปวดที่ร่างบางได้รับไปแล้วกัดฟันอดทนพาคนคนนี้ให้ไปถึงฝั่งฝัน
เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอบรับข้อตกลงนี้มาได้อย่างไร แต่เมื่อได้ทำไปทำมา ได้ลองสัมผัส.. กลับไม่อยากหยุดการกระทำที่ขัดต่อ
ศีลธรรม เช่นนี้เลย
“อีกนิ้วนะ..”
สติกระเจิดกระเจิงเกินกว่าจะตามกลับคืนมาทำให้ต้องรอรับความเจ็บปวดที่มากขึ้น
นิ้วที่สามแทรกเข้ามาในตัวเพื่อเบิกทาง ผนังเนื้ออุ่นร้อนตอดรัดนิ้วทั้งสามแทบไม่เหลือช่องว่าง
ปากช่องทางตึงเกร็งจนเจ้าของทำหน้าเหยเก การรุกล้ำเบิกทางทำให้ร่างบางกระสับกระส่ายอย่างอึดอัด
ร่างทั้งร่างดิ้นพล่านเมื่อมือสวยนั้นกำลังขยับเข้าออก ภาวะนี้ของโรคทำให้รู้สึกอยากให้มือนั้นลึกเข้ามาอีกแม้จะเจ็บปวดก็ตาม
ต้องการมากขึ้น..
มากกว่านี้อีก..
เขาพาเด็กน้อยไร้ประสบการณ์ก้าวผ่านความเจ็บปวดและกำลังจะแปรเป็นความเสียวซ่านที่พวยพุ่งออกมา
ผนังเนื้อนิ่มรัดรึงนิ้วมือของเขาชวนให้แกนกายของชายหนุ่มเริ่มปวดร้าว
เหงื่อเม็ดโตผุดพรายขึ้นเหนือหน้าผาก ผมสีเข้มถูกเจ้าของสางเสยขึ้นเพื่อไม่ให้บดบังสายตาของตน
เสื้อเชิ้ตสีน้ำเงินเข้มชื้นไปด้วยเหงื่อไคล เด็กหนุ่มที่อยู่ในวัยอยากรู้อยากเห็นพยายามปรือตามองคนตรงหน้าให้มากที่สุด
เพราะเขาอยากเห็น...
ทำไมผู้ใหญ่คนนี้ถึงได้ดูดีเหลือเกินในสายของเด็กผู้ชายอย่างเขา
ใบหน้าคมคายชวนฝันนั้นรับกับทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นดวงตา จมูกโด่งสวย ริมฝีปาก
ผมที่เสยขึ้นไปข้างบนเผยให้เห็นหน้าผากแบบนั้น เหงื่อใสไหลรินลงมาตามรูปใบหน้าเรียวสะท้อนกับแสงสลัวของไฟหรี่ดวงเล็กในห้องนอน
ลำแขนแข็งแกร่งดูดีขึ้นไปอีกขั้นเพราะผิวขาวโผล่พ้นแขนเสื้อที่เขาพับร่นให้ไปอยู่ที่ข้อศอก
แต่แล้วก็ได้หลับตาลงแน่นอีกครั้งเมื่อคนหล่อเหลาตรงหน้ากดย้ำนิ้วเข้าไปสุดความยาว
เสียงใสครางอื้อในลำคออีกคราเพราะนิ้วยาวควานไปทั่วภายใน
ริมฝีปากร้อนนั้นก็ทำหน้าปลอบประโลมอีกคนที่อยู่อำนาจของเขาต่อไป
" อย่าทรมานผม.. ป..ไปมากกว่านี้เลยครับ"
แม้จะเว้าวอนอย่างนั้น แต่ก็อดยอมรับไม่ได้เลยว่ามันเป็นการทรมานที่แสนหวานที่สุดอย่างที่อาจไม่ได้สัมผัสที่ไหนอีก
ความใคร่ของเด็กหนุ่มเหมือนเหล็กร้อนที่ต้องตี
หากแต่ไม่ได้รับการตีขึ้นรูปสุดท้ายเหล็กนั้นยังคงร้อน.. แต่ไม่สวยงาม
และเขาคนนี้ก็คือช่างตีเหล็กที่ใจเย็นที่สุดในโลก...
"คุณมั่นใจนะว่าเตรียมตัวพอแล้ว"
มองตาคนอายุมากกว่าแล้วพยักหน้าเบา ๆ
นิ้วเรียวถอนออกไปแล้วกลับมามองคนใต้ร่างอีกครั้ง ดวงตาใสซื่อมองหลบไปด้านข้างปล่อยให้อีกคนจัดการกับเสื้อผ้าของตัวเอง
แต่ความอยากรู้อยากเห็นของเด็กก็ไม่มีที่สิ้นสุดเช่นกัน เด็กหนุ่มค่อย ๆ เหลือบมองคนที่คร่อมเขาอยู่
ผิวขาวจัดอย่างที่ไม่เคยเห็นที่ใครคนไหนทำให้ตกตะลึงอยู่ไม่น้อย
ร่างสูงยืดตัวขึ้นแล้วถอดเสื้อออกไป กายกำยำปรากฏอยู่ตรงหน้าในระยะใกล้ทำให้ใจสั่นมากกว่าเดิมได้ไม่ยาก
ผิวขาวตัดกับกางเกงสแล็คสีดำเพิ่มความน่ามองให้ชายหนุ่มคนนี้มากขึ้น
"จะเริ่มแล้วนะ"
อีกครั้งที่เด็กม.ปลายเป็นเด็กน้อยแสนว่านอนสอนง่าย ดวงตาเล็กนั้นหลับพริ้มรอรับสัมผัสวาบหวิว
ริมฝีปากร้อนเคลื่อนมาทาบทับที่ปากอิ่มของคนที่ทอดกายแนบแน่น
มือบางยกขึ้นดันท้ายทอยเจ้าของบ้านเข้าหาตัวเอง ความทรมานที่แสนรอคอยกำลังจะถูกปลดปล่อยในไม่ช้า
เจ้าของบ้านปลดกระดุมออกจากรังดุมกางเกงของตัวเองพร้อมดึงมันลงไป นิ้วเท้าเล็กของคนใต้ร่างเกี่ยวขอบกางเกงนั้นแล้วพยายามยันมันให้หลุดออกไปโดยเร็ว
ความอึดอัดปวดร้าวของชายหนุ่มกำลังจะออกมาเผชิญกับโลกภายนอก ขาเรียวยันอาภรณ์ชิ้นนั้นออกไปได้สำเร็จก่อนจะเกี่ยวรอบเอวของคนข้างบนไว้
ริมฝีปากของคนที่ประสบการณ์มากกว่ายังคงทำหน้าที่ได้ดีไม่มีขาดตกบกพร่องแม้แต่น้อย
แขนยาวเอื้อมไปหยิบสิ่งจำเป็นต่อการร่วมรักทุกครั้งของเขาในลิ้นชักข้างเตียง
และเขาก็จะใช้มันในครั้งนี้ด้วย
ไม่ใช่ว่าเตียงนี้เคยเป็นสมรภูมิมาแล้วหลายต่อหลายครั้ง
กลับกันเด็กหนุ่มที่นอนครางหวิวอยู่ใต้ร่างของเขาต่างหากที่เป็นคนแรกที่ได้รับสิทธิพิเศษมานอนในห้องนอนนี้
และเสร็จนี่เขาคงต้องทบทวนอะไรหลาย ๆ อย่างด้วยตัวของตัวเองอีกครั้งว่าทำไม
แค่เด็กข้างบ้านทำให้เขาต้องมีข้อยกเว้น
แกนกายของเขาตื่นตัวสูงสุด ความแข็งขืนของมันทำให้ปวดหนึบไปทั่วร่าง
แขนแกร่งรั้งอีกคนให้เข้ามาใกล้เขาก่อนจะพาตัวเองเข้าสู่ร่างอีกคนอย่างเนิบนาบและระมัดระวัง
แต่เพียงแค่สัมผัสที่ผิวช่องทางเจ้าตัวก็สะดุ้งเฮือก
มือเล็กเคลื่อนมาขยุ้มที่ไหล่ของเขาอีกครั้ง เล็บสวยจิกลงไปที่เนื้อไหล่กำยำอย่างไม่เชิงตั้งใจ
เขาทำได้เพียงลูบศีรษะทุยปลอบประโลมอีกคนไปพลางจุมพิตหน้าผากเนียนที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อ
อดทนหน่อยนะ.. เด็กดี
"อ๊าาา! ค.. คุณ เจ็บ.. มันเจ็บ"
สิ่งนั้นถูวนที่ช่องทางอีกครั้งแล้วกดมันให้เข้าไปภายใน ความคับแน่นเรียกเสียงครางต่ำจากเขาได้ไม่ยาก
เอวสอบพยายามดันความปวดร้าวของเขาให้เข้าไปลึกมากขึ้น
ช่องทางไม่เคยถูกรุกล้ำมาก่อนกำลังจะปริตัว
ความเจ็บแสบกรูเข้ามาเล่นงานร่างบางอย่างไร้ความปราณี เรียวขาอ้าออกกว้างเพื่อรับความอึดอัดที่มากขึ้นแล่นไปทั่วกระดูกสันหลังให้สาสมกับอารมณ์ใคร่ในกาย
อกบางหายใจติดขัดราวกับมีอะไรมาจุกที่กลางอก
ฮิสทีเรีย.. โรคทางประสาทที่มีภูมิเบื้องหลังอยู่ลึกลงไปมากกว่าคำว่าแรงปรารถนาทางกาย
โรคที่ใครหลายคนตีตราว่ามีอาการหลักคือความต้องการทางเพศสูง ใครจะคิดว่าความจริงแล้วมันน่าเห็นอกเห็นใจเพียงใด
พวกเขาต้องมีอดีตที่แสนขมขื่น ทนอยู่ในสภาพแวดล้อมที่แย่ซึ่งนำมาสู่อาการทางจิตเช่นนี้
ต้องการความรักความอบอุ่นความใส่ใจจากผู้คนรอบข้างและอาจไม่เกี่ยวข้องกับเซ็กส์มากกว่าปกติแม้แต่น้อย
หากแต่สิ่งที่เด็กคนนี้กำลังเผชิญคือผลพวงของโรคที่เขาไม่ได้เป็นคนก่อเกิดเป็นแน่ แม้โรคนี้จะพบผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นผู้หญิง.. แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า ‘ผู้ชาย’ จะเป็นไม่ได้เสียหน่อย..
“อ๊ะ! อ่ะ.. อื้อออ!”
น้ำตาใสไหลรินลงอาบแก้มกลม ความรู้สึกสับสนตีกันปะปนมั่วไปหมด
ทั้งดีใจ ทั้งเจ็บ ทั้งทรมาน เขาแสดงท่าทางไม่ได้มากกว่าการที่จะร้องไห้ออกมาแบบนี้
แม้เป็นเพียงน้ำตาหยดเล็ก ๆ แต่คุณเจ้าของบ้านจะเข้าใจไหมว่ามันมีความหมายและความรู้สึกมากมายอัดแน่นอยู่ภายในนั้น
เพราะเมื่อเขาเห็นมันเขากลับหยุดการกระทำทุกอย่างลง
นิ้วโป้งใหญ่ไล่เกลี่ยน้ำตาจากดวงตาคู่สวยออกช้า ๆ เสียงทุ้มต่ำกระซิบกับเด็กน้อย
“คุณไม่ไหว.. ใช่หรือเปล่า”
“ผมแค่ดีใจ”
ตาคมนั้นจ้องมองเข้าไปในดวงตาใสที่เอ่อไปทั้งน้ำตา เขายิ้มให้อีกคนเบาบางก่อนจะก้มลงไปหาแก้มนิ่มสีระเรื่อน่าดอมดม
ความครั่นคร้ามที่เคยมีกำลังพังทลายลงไปพร้อมกับเนื้ออุ่นร้อนค่อย ๆ กดย้ำเข้าไปในกายบอบบางมากขึ้น
เขาทำทุกอย่างค่อยเป็นค่อยไปและเบามือที่สุดเท่าที่จะทำได้
ลมหายใจระรวยที่ข้างใบหูทำให้เขารู้ดีว่าคนใต้ร่างพยายามเป็นอย่างมากที่จะทำให้เขาสอดกายเข้าหาได้ง่ายขึ้น
สะโพกบางยกตัวแอ่นรับความเจ็บปวดอยู่อย่างนั้น แขนเรียวทั้งสองข้างก็ยังคงโอบรอบคอเขาไว้แน่น
ลมหายใจนั้นขาดห้วงทุกวินาทีที่เขาเข้าใกล้เพื่อสัมผัสความหอมหวานมากขึ้น
กลั้นลมหายใจตั้งสติเพื่อข่มตัวตนของตัวเองเอาไว้ลึกสุดในช่องว่างของหัวใจ
ความคับแน่นของผนังเนื้อนิ่มนั่นรัดรึงเขาไว้ทุกทิศทาง
ความอุ่นร้อนกำลังจะหลอมละลายร่างทั้งร่างของชายหนุ่มให้หลอมรวมแล้วระเหยไปพร้อมกับอากาศ
สะโพกเล็กส่ายรอนตามสัญชาติญาณ กลิ่นกายอ่อนหวานถูกตักตวงด้วยจมูกคมนั้นซ้ำแล้วซ้ำอีกอย่างไม่เคยพอใจ
ริมฝีปากร้ายกาจนั้นระดมจูบไปทั่วไปหน้าหวานที่เหยเกเพราะความเจ็บ
ปากล่างอวบอิ่มโดนดึงดูดเค้นคลึงจากอีกคน ปากเล็กอ้าออกครางกระเส่าในขณะที่ผู้ใหญ่ที่ทาบทับร่างก็ยังคงขบกัดความอ่อนนุ่มนั้นอยู่
มือสวยดันขาขาวให้อ้าออกกว้างมากขึ้นพลางเล้าโลมไปเรื่อย ๆ ไม่ให้เด็กน้อยต้องมาสนใจกับความเจ็บปวดที่ส่วนล่างมากมายนัก
“อ๊าาา! อะ.. อื้ออ”
ดันกายเข้าไปจนสุด คนเป็นผู้ใหญ่ขบกรามแน่นเมื่อความอึดอัดเช่นนี้มาเยือนเขาอีกครั้งในรอบเวลาเกือบปีที่ผ่านมา
เขาคือชายหนุ่มวัยยี่สิบเก้าปีที่มีความต้องการในเรื่องอย่างว่าสูงกว่าในวัยอื่นๆ
ตัณหาที่เด็กหนุ่มเป็นฝ่ายหยิบยื่นให้เขามันก็เป็นอีกทางที่ช่วยปลดปล่อยห้วงอารมณ์ความต่ำช้าในมนุษย์ธรรมดาอย่างเขา
“ค.. คุณ.. อ่าา”
คนประสบการณ์มากกว่าทำให้ร่างเล็กเบาหวิวอย่างไม่เคยเป็น
สิ่งแข็งขืนดุนดันเข้าออกภายในกายของเขามันช่างแข็งแรงและน่ากลัว เด็กหนุ่มไม่เคยคิดฝันว่าตนเองจะสามารถรู้สึกดีได้ถึงเพียงนี้
มันเข้ามาแล้วกดแช่อยู่ในตัวของเขารู้ตัวอีกทีมันก็ขยับเคลื่อนเข้าออก ทุกจังหวะ ทุกท่วงท่ามันทำให้เขาเสียวกระสันได้มากกว่าการช่วยตัวเองหลายเท่าตัว
ร่างกายและสมองของเขาขาวโพลนไปหมดแทบจะไม่รู้สึกถึงมืออุ่นของคนด้านบนที่ค่อย ๆ สอดประสานนิ้วเรียวยาวกับนิ้วมือเล็กของตัวเอง
“ผมรู้สึกดี.. นะ”
“ค..ครับ?”
ความเจ็บแสบห่างหายไป จุดกระสันที่อีกฝ่ายค้นพบกำลังทำให้เด็กหนุ่มเปลี่ยนจุดสนใจ
ผมหน้าม้าน่ารักของร่างบางสะบัดขึ้นลงตามจังหวะกระแทกกระทั้นของร่างด้านบน
เสียงเนื้อหนั่นกระทบกันรุนแรงดังขึ้นต่อเนื่องหลังจากที่ช่องทางปรับตัวได้
เท้าเล็กเกร็งจิกผ้าปูที่นอนจนยับยู่ยี่ไปหมด กายเล็กบิดเร่าแต่ยังไม่วายปรือตามองคนข้างบนขยับกายเข้าหาตัวเอง
ความเร่าร้อนของผู้ชายคนนี้ มากเกินไป มันมากเกินไป…
สายตาคมกริบราวกับมีดที่ทำจากเหล็กชั้นดีนั่นจ้องมองมาหาเขา
ลมอุ่นร้อนของลมหายใจจากผู้ใหญ่เรียกร้องให้เพื่อนบ้านตัวน้อยอ้าปากขอจูบแสนหวานสร้างความระทวยให้เขาอีกครั้ง
ฟันคมขบปากที่บวมช้ำอีกคราอย่างไม่รู้จักพอ
ความน่าสัมผัสของกายบอบบางนี้เชิญชวนให้คนธรรมดาอย่างเขาโลมเลียน้ำตาลที่ตนเป็นคนโรยเอาไว้เองเสียทุกสัดส่วน
ความงามยามถูกปรนเปรอนั้นช่างมีเสน่ห์เหลือล้น ดวงตากลมฉ่ำเยิ้มด้วยแรงสวาทมันกำลังร้องขอให้เขากอดและกำลังอ้อนวอนให้เขารัก
สถาปนิกหนุ่มโถมกายลงไปรุนแรงทำให้ร่างเล็กสั่นคลอนเสียจนจมผืนเตียง
เสียงครางหวานระงมทั่วห้องกระทบโสตประสาทหลายครั้งต่อหลายครั้ง
ความกำหนัดนั้นช่างอันตรายเหลือเกินที่จะต้านทาน เจ็บปวด ทรมาน
แต่สุขสมไปทั้งกายในคราวเดียวกัน
“อาา! ผ.. ผมว่า..”
เขากดจูบรุนแรงที่ซอกคอขาว
เอวสอบเร่งกายเข้าออกรัวเร็วจนลมหายใจเบาบางของร่างเล็กกลับหอบถี่ขึ้นมา
สะโพกเล็กดันทุรังสวนกายกระแทกกลับคืนอีกคนหวังให้เขาแตะต้องภายในให้ลึกที่สุดเท่าที่จะทำได้
มือบางกำมืออีกคนไว้แน่นเช่นเดียวกับเขาที่จับมือเล็กไว้แน่นหนาตั้งแรกแรกเริ่ม ด้วยความไว้ใจทั้งหมดของเด็กม.ปลาย
“อีกนิดนะ..”
“ผมจะ.. อื้ออ!”
อีกครั้งที่ความอ่อนไหวของร่างบางกระตุกแล้วปลดปล่อยคราบคาวออกมา
ผนังเนื้อของช่องทางร้อนถูกเสียดสีด้วยเนื้อยางอย่างรุนแรง ข้อเท้าเล็กถูกรวบไว้ด้วยกัน
ช่องทางบีบรัดความเป็นชายของชายหนุ่มไว้แน่นกว่าที่เคย
เขากระแทกกายใส่อีกฝ่ายอย่างไม่มีท่าทีจะหยุดหย่อน อาการทางกายของคนเด็กสิบหกกลับปะทุสวนกลับขึ้นมา
อดไม่ได้ที่ต้องร้องครางลั่น
มือใหญ่นั้นปล่อยจากข้อเท้าสวยแล้วรั้งกายบางขึ้นมาไว้แนบอก
เอวเล็กถูกโอบรัดด้วยแขนแกร่งแน่นหนา มือของเด็กหนุ่มไม่รู้ว่าจะต้องวางไว้ที่ตำแหน่งใดก็ค้ำหน้าขาของเจ้าของบ้านผู้แสนร้อนแรงเอาไว้
“จะจบแล้วนะ.. อ่า”
เสียงแหบต่ำคำรามบอกอีกคนในลำคอแสนยากลำบาก
เขารั้งกายเล็กให้กระแทกลงมาอีกครั้ง
แกนกายใหญ่กระตุกปลดปล่อยความปวดร้าวออกมามากมาย แต่ร่างบางกลับไม่ได้รู้สึกรับรู้ด้วยเพราะเนื้อยางนั้น
เขาค่อย ๆ ถอนกายของตัวเองออกแล้วทิ้งอุปกรณ์ชิ้นนั้นทิ้งไปข้างเตียง ในขณะที่เด็กหนุ่มนอนหงายลงกับเบาะเตียงไปเรียบร้อยแล้ว
“เจ็บมากหรือเปล่า?”
“ผ.. ผมไม่เป็นไร..”
หอบเอาอากาศหายใจเข้าไปเต็มปอด อกบางกระเพื่อมถี่เสียจนคนอายุมากกว่าอดจะเห็นใจไม่ได้
แต่ปฏิกิริยาทางร่างกายที่เผยขึ้นให้เขาเห็น มันไม่ใช่
ดวงตาใสปรือปรอยไร้เรี่ยวแรง เหงื่อไคลจากเส้นผมยาวไหลลงมาตามโครงหน้าและซึมออกมาทั่วกาย
ผิวเนียนละเอียดนอกจากรอยจากการสัมผัสกันก็มีผื่นแดงเป็นจุดเล็ก ๆ ขึ้นตามตัวไม่เว้นต้นขาขาวนั่น
ร่างกายบอบบางยังคงกระตุกไม่มากก็น้อย และริมฝีปากอิ่มอ้าหอบเอาอากาศไม่หยุดหย่อน เสียงหวานนั่นกำลังเพรียกหาเขาให้เข้าหาอีกครั้ง
“คุณ.. มันยังไม่จบ”
“นอนพักที่ก็ได้ ผมยินดี”
“แค่นี้ก็ดีแล้วล่ะครั..”
“ทำตามที่ผมบอกเถอะ”
ร่างเล็กนิ่งไปและยอมฟังประโยคที่เหมือนสั่งกลาย ๆ นั้นแต่โดยดี
เปลือกตาหนักอึ้งของเด็กน้อยคล้อยลงเพราะความเหนื่อยล้าจากอารมณ์ที่พวกเขาทำมันหลายต่อหลายรอบ
ไม่นานนักคนตัวเล็กก็ผล็อยหลับไป ผู้ใหญ่มองเพื่อนบ้านที่หลับไปก่อนจะหยิบทิชชู่บนโต๊ะข้างเตียงมาเช็ดคราบต่าง
ๆ ที่พอจะทำความสะอาดได้ให้เรียบร้อย หัวไหล่เนียนมนที่โผล่พ้นผ้าห่มออกมาถูกจูบแผ่วเบาก่อนที่เจ้าของรอยจูบนั้นจะล้มตัวลงนอนข้างกัน...
ภายใต้ผ้าห่มผืนเดียวใหญ่ทั้งสองไม่ได้นอนใกล้ชิดกันขนาดที่จะสัมผัสผิวกายของกันและกัน
อาจเพราะคุ้นเคยแค่เพียงร่างกายเท่านั้น และสัมผัสอ่อนนุ่มสุดท้ายที่เขารับรู้คือริมฝีปากอวบอิ่มนั้นเคลื่อนตัวมาแตะลงที่ไหปลาร้าของเขาอย่างแผ่วเบา
เสียงหวานยังคงดังก้องในยามราตรีที่มืดมิดไม่มีเปลี่ยนแปลง
“ขอบคุณนะครับ ขอบคุณมากจริง ๆ”
ไหนว่าอย่าหาว่าเขาเป็นผู้ใหญ่ใจร้าย ไม่เลยสักนิด เขา น่ะ
ใจดีที่สุดในโลกของเด็กม.ปลายตอนนี้เลยต่างหาก
เขาไม่ใช่เด็กบ้านแตก ไม่ใช่เด็กน้อยที่ถูกข่มขืนมาอย่างที่ใคร ๆ เคยเข้าใจ
คนพวกนั้นไม่เคยเข้าใจเขาถึงต้องระหกระเหินมาจนถึงที่นี่ ด้วยเงินติดตัวที่ผู้มีพระคุณหนุนหลังอยู่
คนคนนั้นมีน้ำใจต่อเขามากแม้จะเป็นเพียงพ่อบุญธรรมที่รับเขามาเลี้ยงหลังจากที่พ่อกับแม่เสียชีวิตเนื่องจากธุรกิจที่ผิดกฎหมาย
สภาพแวดล้อมสมัยเด็กของเขาไม่ได้มีปัญหาสำหรับเขา กลับกันทุกอย่างมันช่างราบรื่นจนไม่คิดว่าสักวันหนึ่งพ่อกับแม่จะทิ้งเขาไปอย่างไม่หวนกลับ
ด้วยความช่วยเหลือของตำรวจชั้นผู้ใหญ่ที่เห็นว่าเขาไม่ได้เป็นเด็กที่เลวร้ายเลยรับมาเลี้ยงด้วยความเอ็นดู
แต่เขาทนที่จะอยู่ร่วมชายคากับครอบครัวของฝ่ายนั้นไม่ได้ และเพราะตัวเองได้ทำอะไรบางอย่างไปก็เท่านั้นเอง
‘เด็กนี่.. อ๋อ! พ่อเก็บมาจากซ่องที่พ่อไปทลายมาใช่ไหม?’
‘อยู่ที่แบบนั้นจะเป็นเอดส์หรือเปล่ายังไม่รู้เลย
สกปรกจะตาย’
‘ผอมบางขนาดนี้คงจะรับแขกเยอะสิท่า!’
และคนที่สุขภาพจิตเสียอีกหลาย ๆ คนในบ้านหลังใหญ่ที่ไม่มีความอบอุ่นหลังนั้นก็ยังคงต่อว่า
ด่าทอ เสียดสีกันเป็นประจำ ยังดีที่ไม่ได้ทำร้ายร่างกายเขา เขารำคาญเสียงแหลมเล็กของคุณนายใหญ่กับลูกสาวคนเล็ก
หวาดระแวงลูกชายคนโตเพราะบ่อยครั้งที่เขาแอบย่องเข้ามาในห้องนอนและพยายามจะรังแกกัน
เด็กอย่างเขาไม่มีอะไรจะเสียไปมากกว่านี้นอกจากชีวิตที่ต้องเก็บรักษาก็ทำได้เพียงดิ้นรนต่อสู้
มีดพกเล่มเล็กที่บิดาเคยให้ไว้ยังคงไม่ห่างตัวไปไหน มือล้วงเข้าไปที่ใต้หมอนนุ่มกำด้ามมีดไว้อย่างมั่นคง
ปลายโลหะคมเฉียดเข้าที่ใต้ตาของอีกคนพร้อมเสียงร้องโอดครวญจากความเจ็บปวดทำให้สมาชิกในบ้านวิ่งกรูกันมาที่ห้องนอนเล็ก
ๆ ของผู้มาอาศัยใหม่ และนั่นคงเป็นเหตุผลที่เขาได้ออกมาอยู่คนเดียวโดยถาวร
‘แกจะฆ่าลูกฉันเหรอ! ออกไปจากบ้านฉันเดี๋ยวนี้!’
ไม่ทราบว่าเป็นเรื่องดีหรือไม่ที่ไม่มีการฟ้องร้องคดีความแต่อย่างใด
อาจเพราะคุณท่านยังเอ็นดูเขาถึงแม้จะทำร้ายร่างกายลูกชายที่ไม่เอาไหนคนนั้นไป
คุณท่านสั่งให้คนจัดหาที่อยู่ให้อีกที่และรับปากว่าจะไม่ให้ฝ่ายนั้นมารบกวนหรือระรานพร้อมทั้งส่งเงินมาทุกเดือน
ดูแลเรื่องทุกอย่างเช่นเดิมเหมือนกับตอนที่อยู่กับท่าน
แต่ในวันนี้เขาต้องทิ้งศักดิ์ศรีไว้เบื้องหลังเพื่อความอยู่รอด
รู้สึกสมเพชตัวเองเหลือเกินแต่จะทำอย่างไรได้
ร่างกายที่ยังคงมีลมหายใจนี้ยังต้องชดใช้กรรมต่อไป หวังว่าคุณเจ้าของบ้านใจดีคนนี้จะมีความกรุณามากพอที่จะไม่แพร่งพรายออกไปให้ใครรู้
แต่ในขณะเดียวกันเขารู้สึกเหมือนว่าผู้ชายคนนี้พึ่งพาได้อย่างบอกไม่ถูก อีกทั้งบางสิ่งกำลังกู่ร้องจากภายในบอกว่าเขารู้สึกอบอุ่นและปลอดภัย
เพียงยามได้เอ่ยวาจาสนทนาซึ่งกันและกันแม้นั่นจะเป็นแค่คำว่า สวัสดี
จวบจนกระทั่งตอนนี้…
อีกฝ่ายปฏิบัติกับร่างกายของเขาอย่างอ่อนโยนและทะนุถนอมดุจคนรัก ทุกท่วงท่านั้นแสนเร่าร้อนพร้อมที่จะหลอมละลายทั้งกายและหัวใจดวงน้อย
ๆ ให้ลงไปอยู่แทบเท้าของเขา ยามอยู่ในอาณัติใต้อ้อมแขนแกร่งนั้นกลับไม่รู้สึกอึดอัดแต่อย่างใด
ทุกอย่างราวกับสรรค์สร้างมาเพื่อตัวเขาโดยเฉพาะ
ดวงตาร้อนแรงที่มองมาทำให้ร่างบอบบางเสมือนโดนเผาเป็นจุล
สายตาคมนั้นสำรวจเรือนร่างของเขายามถูกกอดทุกตารางนิ้วเฉกเช่นพิมพ์เขียวของเขาสัมผัสวาบหวิวทั่วกายที่ฝากฝังไว้นั่นก็คือแปลนที่เขาเป็นผู้ออกแบบเอาไว้อย่างชาญฉลาดและหาตัวจับได้ยากที่สุด..
…The Boy Next Door…
ร่างสูงเจ้าของห้องนอนที่สอนบทรักแรกเริ่มให้เด็กหนุ่มข้างบ้านเมื่อคืนตื่นมาด้วยอาการงัวเงียเช่นทุกวัน
ดวงตามองพื้นที่เตียงข้างกายที่ว่างเปล่า ผ้าปูที่นอนส่วนนั้นตึงเรียบ
หมอนใบนุ่มที่รองรับศีรษะทุยฟูขึ้นสภาพเดิมราวกับไม่มีใครเคยหนุนนอน
เขาเดาภาพที่อีกคนนอนอยู่ข้างกันเมื่อคืนลุกฝืนสังขารขึ้นมาแต่เช้าเพื่อนจัดแจงทุกอย่างให้เป็นปกติ
กายใหญ่ยันตัวขึ้นแล้วเอนพิงหัวเตียงเอาไว้
เสื้อผ้าขนาดเล็กและทั้งเสื้อผ้าของเขาเองหายไปจากพื้นข้างเตียง
การหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยของร่างเล็กที่ครางหวานอยู่ใต้ร่างของเขาเมื่อคืนนี้มันไม่ได้ทำให้เขารู้สึกอะไรไปมากกว่านั้น
ฝ่ายนั้นก็คงจะเช่นเดียวกัน
คงไม่อยากทำให้เขาต้องลำบากใจแม้เขาจะเต็มใจให้เจ้าตัวนอนค้างที่นี่ทั้งคืนหลังจากความสัมพันธ์ทางกายได้จบลง
แต่อย่างน้อยตอนเช้าของพวกเขามันก็ไม่กร่อยจากการหาประโยคต่างๆมาคุยกัน เช่น
สวัสดี อะไรทำนองนั้น
เช้าวันเสาร์ของคนวัยทำงานอย่างเขามันก็ไม่ได้ดีอะไรนักหรอก
ก็แค่ตารางงานของวันนี้มันน้อยกว่าของวันอื่น ๆทำให้เช้านี้ไมต้องรีบร้อนอะไรมาก
แต่ถึงคิดได้อย่างนั้นสมองของเขาก็เอาแต่นึกภาพของคนที่บอกความลับกับเขาเมื่อคืน
ดวงหน้าหวานน่ารัก แววตาใสซื่อที่มองมาอย่างเอียงอายเมื่อถูกเขาสัมผัส
ริมฝีปากอิ่มเอิบแสนเย้ายวน
ความหอมสะอาดของผิวกายเปล่งปลั่งและรอยพวกนั้นที่เขาสร้างเอาไว้ ไม่ว่าจะในตอนนั้นหรือตอนนี้ เด็กคนนั้นก็สวยอย่างไม่อาจละสายตา
ชายหนุ่มเดินออกมารับลมเย็นที่หน้าบ้านเช่นทุกเช้า
แต่วันนี้ต่างออกไปตรงที่มองไปที่บ้านข้าง ๆ กัน รั้วกั้นที่สูงเพียงอกทำให้เห็นทุกการกระทำของเด็กหนุ่มคนนั้นได้เป็นอย่างดี
“คุณ..”
“พอดีเลย ผมให้ครับ”
ถ้วยซุปชามใหญ่ที่อีกคนถือจานรองมันไว้อย่างระมัดระวังไม่ได้ทำให้เขาอดกังวลลงได้เพราะอีกไม่นานมันอาจตกลงพื้นสนามหญ้าหน้าบ้านของฝ่ายนั้นเองก็เป็นได้
ขาเรียวเล็กก้าวเปลี่ยนจากรั้วหน้าบ้านมาเป็นรั้วที่ติดกันแทน เด็กหนุ่มตัวผอมยื่นชามนั้นข้ามรั้วมา
เขารับมันไว้อย่างงุนงงแต่เมื่อมองเห็นหน้าอีกคนเขาก็พอจะเข้าใจ
“เอ่อ.. คือผมลองทำอะไรทานดู แต่ก็อยากตอบแทนคุณด้วย”
“ผมไม่ได้เสียหายอะไรสักหน่อยจะมาชดใช้อะไรกันล่ะคุณ ว่าแต่ตื่นเช้าขนาดนั้นไม่ระบมบ้างเหรอ?”
“ใช่เรื่องจะมาพูดกันตรงนี้เหรอครับ!”
คำถามตรง ๆ ของอีกฝ่ายทำให้แก้มขาวของเด็กน้อยขึ้นสีระเรื่อน่ามองฉับพลัน
ปากอิ่มยิ้มเคอะเขินให้ผู้ใหญ่ขี้แกล้งแล้วพยักหน้าตอบกลับไปก่อนจะขอตัวเดินกลับเข้าบ้านไป
ขาเล็กค่อย ๆ ก้าวอย่างระมัดระวัง แต่ไม่ทันถึงประตูบ้านเด็กหนุ่มก็หันหน้ามายิ้มตาหยีให้อีกคนแล้วก้มศีรษะงุดเข้าบ้านไป
เขายิ้มตอบกลับไปให้อีกคนเช่นเดียวกัน
นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้ยิ้มให้ความน่ารักของใครสักคน
นานแค่ไหนแล้วที่หัวใจจะเต้นได้อย่างกระชุ่มกระชวยอย่างนี้
นานแค่ไหนแล้วที่เขาไม่ได้รู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเล็ก ๆ ของใครอีกคน
แม้สถานะของเราก็คล้ายกับคนแปลกหน้าที่เพียงแค่ผ่านมาและเกิดเรื่องราวต่าง ๆ ร่วมกัน
ถ้าเขาไม่ได้คิดอยากให้มันเป็นเพียงแค่เซ็กส์..
เด็กคนนั้นจะว่าอย่างไร…
ความธรรมดาที่เที่ยงแท้กำลังมาเยือนเขาอีกครั้ง การรู้สึกสนใจใครสักคนที่เพียงได้ทำความรู้จักกันแค่ข้ามคืนแบบนี้
สิ่งฉาบฉวยที่เขากลับเนื้อเต้นไปกับความรู้สึกนั้นเหมือนเด็ก ๆ
รู้จักกันนาน… ไม่ดีเท่ารู้จักกันดี
และเพราะความเชื่อใจ มันคือจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์
; ) ให้กำลังใจกันได้ที่
#ฟิคอดป
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น