วันอาทิตย์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2560

[OS] Backpacker (Sunggyu x Woohyun)













ดวงตาคมมองทอดไปยังถนนดินตรงหน้าแล้วได้แต่ถอนหายใจกับฝุ่นที่เกาะกระจกรถเยอะจนแทบมองทางไม่เห็น ละอองฝุ่นเล็กใหญ่สีน้ำตาลฟุ้งไปทั่วจนทำให้รู้สึกว่าอากาศข้างนอกตัวรถนั้นแห้งและร้อนแค่ไหนเพียงได้มอง นอกจากเสียงเพลงจากเทปเก่าของพ่อแล้ว ยังมีเสียงที่ปัดน้ำฝนที่กำลังล้างกระจกเป็นเพื่อนให้คนที่กำลังขับรถเพียงคนเดียวในเวลาบ่ายแก่ซึ่งเป็นเวลาที่เขากลับจากส่งของในเมือง เสียงทุ้มต่ำเริ่มร้องเพลงตามเทปเช่นเดียวกันกับเมื่อครั้งยังเป็นเด็กทุกทีที่พ่อเขาเปิดระหว่างเดินทาง




กระป๋องบรรจุเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ถูกยกขึ้นจิบเป็นพัก ๆ เพราะความเหนื่อยล้าจึงทำให้อยากได้อะไรที่ทำให้ร่างกายกระชุ่มกระชวยขึ้นมาบ้าง เขาเข้าใจว่ามันอันตรายทุกคนก็ห้ามแล้วห้ามอีกแต่มันหักดิบไม่ได้ เหล้าไม่กิน บุหรี่ไม่แตะแต่ขาดเบียร์แล้วเหมือนขาดใจยิ่งกว่าการไม่มีคนรักเคียงข้างเสียอีก




เอาล่ะ คิมซองกยู รู้ว่าไม่ขาดใจแต่ตับไตพังแน่นอนถึงได้พยายามลดอยู่นี่ไง









...Backpacker...










แขนเล็กเหนื่อยอ่อนจากการยื่นค้างเป็นเวลานาน นิ้วโป้งนั้นก็ยกแทบไม่ขึ้นสมกับเวลารอคอยหลังจากโดนปล่อยทิ้งไว้จากรถบรรทุกคันนั้นที่ผ่านไปนางถึงสามชั่วโมง รถที่ขับผ่านมาล้วนกลัวว่าเด็กหนุ่มคนนี้จะเป็นมิจฉาชีพหรือมากับแก็งชายฉกรรจ์เพื่อปล้นทรัพย์ แต่สามชั่วโมงนี้มีแค่รถสองคันที่ผ่านมาและผ่านไปอย่างไม่ใยดี อากาศร้อนและแสงแดดที่แรงกว่าทุกฤดูร้อนที่เขาเคยพบกำลังทำให้รู้สึกเหมือนจะเป็นลมตายเอาได้




รถที่โบกได้ครั้งแรกเมื่อเขารู้ว่าคนที่รับขึ้นรถมาด้วยคนนี้ไม่มีเงินเลยทิ้ง นัมอูฮยอน ต้นไม้แก่ ๆ กับป้ายบอกทางไปหมูบ้านเก่า ๆ ที่ห่างจากในเมืองประมาณเกือบยี่สิบกิโลได้แบบนี้น่ะสิ เงินโทรศัพท์หมดว่าซวยแล้วแต่แบตหมดไม่ทันได้อัพรูปมีแบ็คกราวด์เป็นทุ่งดอกหญ้าพร้อมแคปชั่นชิค ๆ เลยสักนิด




                ตาเรียวเพ่งมองทางข้างหน้าเมื่อเห็นร่างของคน ๆ หนึ่งใต้ต้นไม้ก่อนถึงแยกที่จะเลี้ยวเข้าหมู่บ้านของเขา เด็กหนุ่มตัวเล็กกับกระเป๋าสะพายใบโตกำลังยื่นแขนออกมาเพื่อโบกรถ ฝุ่นดินยังคงเยอะเหมือนเคยแต่กลับเห็นรอยยิ้มดีใจของเขาคนนั้น อย่างน้อยถ้าเป็นคนที่เดือดร้อนจริงซองกยูก็พร้อมจะช่วยเหลือ เขามองรอบ ๆ เพื่อให้แน่ใจว่านี่จะไม่ใช่แผนอะไรของมิจฉาชีพ




                ถึงแม้ที่นี่มันจะโคตรกันดารก็เถอะ




มุมปากอิ่มยกยิ้มขึ้นมาอย่างห้ามไว้ไม่อยู่เมื่อเห็นรถกระบะคันหนึ่งกำลังจะแล่นผ่านมา แขนที่อ่อนแรงกลับยกค้างไว้ได้ต่อและส่งรอยยิ้มดีใจมากขึ้นไปอีกเมื่อเห็นเจ้าของรถค่อย ๆ ชะลอรถและจอดรับเมื่อถามความต้องการเสร็จสรรพ อูฮยอนมองชายใจดีวัยประมาณสามสิบข้างกายก่อนเหลือบมองกระป๋องที่วางอยู่ใกล้เกียร์กระปุก




เข้าใจนะว่าเลือกไม่ได้แต่เหม็นเบียร์จากเขาจังเลย..




แล้วทำไมมาอยู่แถวนี้ล่ะ




เงินหมด เลยโดนทิ้งไว้ ตั้งแต่เมื่อวาน




ไม่ใช่มิจฉาชีพแน่นะ




ไม่ไว้ใจก็ไม่ต้องจอดสิพี่ชาย
               



                คิมซองกยูมองเด็กหนุ่มที่อายุไม่น่าจะถึงยี่สิบดีนักหยิบสมุดในกระเป๋าขึ้นมาจนบันทึกอะไรสักอย่างแล้วเงยหน้ามาพูดกับเขาอีกครั้ง แต่อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดแหละคุณรับผมขึ้นมาแล้ว




ห้ะ!?”




ล้อเล่นครับ ก่อนหน้านี้มีคนพูดแบบนี้กับผมประมาณสามคนได้




เขาพยักหน้าก่อนจะเคลื่อนตัวรถแล้ววนรถกลับทางเดิมที่มาจากตัวเมือง ซองกยูถามจนได้ความว่าเพราะแบตเตอร์รี่โทรศัพท์เจ้าตัวหมดทั้งแต่เมื่อวานเลยไม่สามารถติดต่อใครได้นานแล้ว และเพราะทราบดีว่าเด็กคนนี้ไม่มีเงินสักแดงเลยคิดเอาเองว่าเขาก็ยังไม่น่าจะได้ทานอะไร จนกระทั่งคนที่ขอความช่วยเหลือหันมายิ้มแห้ง ๆ ใส่เมื่อเกิดเสียงท้องร้องขึ้นมา




อะ.. ข้าวเที่ยงผมเอง แต่คุณเอาไปกินเถอะ




มือเล็กรับขนมปังสีเข้มมา มันแข็ง แต่ก็เลือกไม่ได้เลยต้องทานเพื่อให้อยู่รอดทั้งที่รู้ว่ามันคงไม่ช่วยอะไรนัก สัมผัสมันก็แข็งจริงอยากที่นึกเอาไว้ แต่กลิ่นหอมของข้าวสักชนิดที่อยู่ในปากก็ทำให้อดนึกข้าวสวยดี ๆ ไม่ได้ เพราะอะไรอย่างนั้น รวมถึงความเหนื่อยล้า และความกลัวที่มีก่อนหน้าทั้งหมด คุณ! ร้องไห้ทำไม




ผมคิดถึงบ้าน ฮึก ก็ขนมปังคุณอะ.. ขนมปังคุณ




ไว้เดี๋ยวเข้าเมืองแล้วจะให้เงินไปกินข้าวด้วย โอเคไหม




ฮึก คุณไปส่งผมในเมืองก็พอ ผมน่าจะหาที่กดเงินได้เขามองคนที่กำลังเช็ดน้ำตาลวก ๆ แล้วแต่นะ




อ้อมแขนเล็กของเด็กหนุ่มโอบกอดกระเป๋าเอาไว้แนบอก ศีรษะกลมหันมองออกไปข้างทางที่เต็มไปด้วยหญ้าแห้ง ๆ อย่างที่เห็นอยู่ตลอด พวกเขาปล่อยให้บทสนทนาหยุดลงตรงนั้นและมีเพียงเสียงเพลงที่เจ้าของรถหน้าดุใจดีลดเสียงมันลง เปลือกตาสีอ่อนของนัมอูฮยอนเริ่มหนักอึ้ง ลมร้อนปะทะเข้าข้างแก้มเพราะกระจกรถที่ควรจะมีได้หายไป เสียงท้องร้องหายไป และถึงจะใกล้หลับเต็มทีเขาก็ยังสัมผัสทุกอย่างได้ แต่เพียงเสี้ยวเดียวเท่านั้น




เขาไม่รู้สึกถึงลมหายใจ




ที่เข้าออกของตัวเอง










ตื่นได้แล้วคุณ ถึงแล้ว




คิมซองกยูปลุกคนตัวเล็กที่หนุนกระเป๋าต่างหมอนก่อนจะเดินลงจากรถเพื่อไปปลุกอีกฝั่ง เมื่อเปิดระตูก็เจอคนกำลังงัวเงีย ใบหน้านั้นยังคงซีดเซียวไม่ต่างจากตอนแรกเท่าไรนักแต่อย่างน้อยถ้าจบเรื่องนี้อะไร ๆ ก็คงดีขึ้น เขาจอดรถในที่ที่มีตู้กดเงินสดของทุกธนาคารเพื่อให้อีกฝ่ายสะดวก คน ๆ นั้นโค้งให้ซองกยูครั้งแล้วครั้งเล่า




หลังคุณเปื้อนอะไรน่ะเขาทักเมื่อเด็กคนนั้นเริ่มเดินห่างออกไป แต่เขาก็ไม่ทันเห็นว่าเป็นรอยอะไรกันแน่และเพราะแสงของวันก็กำลังจะหมดอยู่รอมร่อ




อ๋อ คราบโคลนมั้งครับ..”




อ้อ.. งั้นผมไปก่อนนะ เดี๋ยวจะค่ำเอา โชคดีนะคุณเขาเสริมอีก อย่าไปหลงที่ไหนอีกล่ะ










หายไปไหนแล้ววะ!”


คิมซองกยูคิดว่าตัวเองกำลังจะเป็นบ้า เขากลับไปที่รถแล้วพบว่าบนเบาะหนังเก่า ๆ ที่เป็นตำแหน่งข้างคนขับมีของรอยอะไรสักอย่างเปื้อนอยู่  แต่กลิ่นคาวนั่นก็ทำให้รู้ได้ว่ามันคือสิ่งใด ที่แปลกคือมันแห้งกรังและทำให้เขานึกถึงรอยที่เห็นเพียงเสี้ยววิที่เสื้อของเด็กหนุ่มที่เขาเพิ่งช่วยเหลือโดยการกลับมาส่งในเมือง เขาวิ่งกลับมาทางเดิมเผื่อว่าเด็กคนนั้นจะยังไปไม่ไกล แต่บริเวณนั้นกลับไม่มีวี่แววว่าจะเจอกระทั่งเขาไปที่ท่ารถ ถามใครต่อใครก็ไม่มีใครเห็นเด็กหนุ่มเลยสักคน




ถ้าบาดเจ็บก็น่าจะบอกกันก่อน




ชายหนุ่มกำพวงมาลัยแน่นและรู้สึกหัวเสีย คิมซองกยูทำอะไรไม่ได้และปล่อยให้ความสงสัยวนเวียนในความคิด เขาเหยียบคันเร่งโดยไม่สนว่าจะทำให้ฝุ่นฟุ้งกระจายมากแค่ไหน ไฟหน้ารถส่องไปตามทางคุ้นเคย รอยที่เบาะเช็ดออกไปแล้วแต่เจ้าของมันก็ยังทำให้เขาคิดไม่ตก เขาทำอะไรไม่ได้เมื่อรู้ว่าหาเด็กคนนั้นไม่เจอ รู้เพียงเขาต้องรีบกลับเพราะกว่าจะขับรถกลับไปอีกรอบก็คงมืดพอดี และเขาก็คงคิดถูก ตอนนี้มันค่อนข้างมืดและเขาขับผ่านมันมาแล้ว




ต้นไม้กับป้ายบอกทางเข้าหมู่บ้านของตัวเองที่เจอคนขอความช่วยเหลือเมื่อตอนเย็น




เพียงแสงไฟสาด




เขาเห็นเด็กที่เพิ่งไปส่งในเมืองยืนอยู่ตรงนั้น




และโบกรถ..
















-          Trick or Treat       -

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น